ตาล (Asian Palmyra Palm) เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล (Genus) Borassus ในวงศ์ (Family) Palmae เป็นปาล์มที่ แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ต้นสูงถึง 40 เมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 60 ซม. ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก แต่ไส้กลางลำต้นอ่อน บริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ใบเหมือนพัดขนาดใหญ่ กว้าง 1 – 1.5 เมตร มีก้านเป็นทางยาว 1 – 2 เมตร ขอบของทางของก้านทั้งสองข้าง มีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง ๆ และคมมาก พบมากที่จังหวัดเพชรบุรี
สารบัญ[ซ่อน สารบัญ] |
[แก้ไข] การจำแนกทางวิทยาศาสตร์
- อาณาจักร: Plantae
- ส่วน: Magnoliophyta
- ชั้น: Liliopsida
- อันดับ: Arecales
- วงศ์: Arecaceae
- สกุล: BorassusL.
- สปีชีส์: B. flabellifer L.
- ชื่อทวินาม: Borassus flabellifer L.
[แก้ไข] ลักษณะ
[แก้ไข] ลักษณะทั่วไป (Characteristic)
ตาล (Asian Palmyra Palm) เป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มขนาดใหญ่ สกุล (Genus) Borassus ในวงศ์ (Family) Palmae เป็นปาล์มที่ แข็งแรงมากชนิดหนึ่ง และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ต้นสูงถึง 40 เมตร และโตวัดผ่ากลางประมาณ 60 ซม. ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก แต่ไส้กลางลำต้นอ่อน บริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ใบเหมือนพัดขนาดใหญ่ กว้าง 1 – 1.5 เมตร มีก้านเป็นทางยาว 1 – 2 เมตร ขอบของทางของก้านทั้งสองข้าง มีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง ๆ และคมมาก[แก้ไข] ใบ (Foliage)
ใบเดี่ยว รูปค่อนช้างกลมคล้ายพัด เรียงสลับ กว้าง 1-1.5 เมตร แผ่นใบหนา สีเขียว ปลายใบจักลึกถึงครึ่งแผ่นใบ ก้านใบหนาสีเหลืองยาว 1-1.5 เมตร มีหนามเเข็งตามขอบก้านใบ[แก้ไข] ดอก (Flower)
ช่อดอกเพศผู้ใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายนิ้วมือ เราเรียกว่านิ้วตาลแต่ละนิ้วยาวประมาณ 40 ซม. และโตวัดผ่า กลางประมาณ 1.5 – 2 ซม. โคนกลุ่มช่อจะมีก้าน ช่อรวมและมีกาบแข็ง ๆ หลายกาบหุ้มโคนก้านช่ออีกทีหนึ่ง ช่อดอกเพศเมียก็คล้าย ๆ กัน แต่นิ้วจะเป็นปุ่มปม ปุ่มปมคือดอกที่ติดนิ้วตาล ดอกหนึ่ง ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 2 ซม. และมีกาบแข็ง ๆ หุ้ม แต่ละดอก กาบนี้จะเติบโตไปเป็นหัวจุกลูกตาลอีกทีหนึ่ง ผลกลมหรือรูปทรงกระบอกสั้น ๆ โตวัดผ่ากลางประมาณ 15 ซม.[แก้ไข] ผล (Fruit)
ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ผลติดเป็นกลุ่มแน่น ทรงกลม สีน้ำตาลถึงม่วงเข้ม ปลายผลสีเหลืองผิวมัน ขนาด 15-20 เซนติเมตร ผลสุกสีดำ ติดผลง่าย[แก้ไข] ประเภทของตาล
[แก้ไข] ตาลบ้าน
มีจำนวนเต้าตาลในแต่ละผล 1-4 เต้า แบ่งสายพันธุ์ย่อยได้อีก 3 พันธุ์ คือ- ตาลหม้อ มีผลขนาดใหญ่ ผิวดำคล้ำ
- ตาลไข่ มีผลสีขาวเหลือง ผลขนาดเล็กกว่า แต่เต้าตาลใหญ่ขนาดใกล้เคียงกับตาลหม้อ (มีเนื้อหุ้มเต้าตาลบาง)
- ตาลจาก มีผลในทะลายแน่นคล้ายทะลายจาก
[แก้ไข] ตาลป่า
มีผลเล็กขนาดตาลไข่ มีผลเขียวคล้ำ มีเต้า 1-2 เต้า ลำต้นสีเขียวสด ก้านใบยาว (บางคนเรียกว่า ตาลก้านยาว) พบแถบเขาแด่น อำเภอบ้านลาด และในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตาลป่ายังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก เพราะมักขึ้นอยู่ในป่า[แก้ไข] การขยายพันธุ์
ส่วนใหญ่จะนิยมปลูกต้นตาลไว้บริเวณคันนา ในตัวเมืองเพชรบุรี ก็ปรากฏว่ามีการปลูกต้นตาลเช่นกัน บริเวณที่มีต้นตาลมากที่สุดของจังหวัด เพชรบุรี[แก้ไข] ประโยชน์
[แก้ไข] ลูกตาล
ตาลตัวเมียนั้นจะมี “ลูกตาล” ติดเป็นทะลาย เมื่อยังไม่แก่จัดจนสุกเหลือง ชาวบ้านก็จะตัดลงมาทั้งทะลาย แล้วนำมา “เฉาะ” ที่ละลูก เพื่อให้ได้ “เต้าตาล” หรือ “ลอนตาล” ใน 1 ลูกตาล หรือ 1 ผลตาล จะมีเต้าตาลประมาณ 2-3 เต้า ชาวบ้านจะใช้มีดคม ๆ ถือไว้ในมือขวา มือซ้ายก็จะถือลูกตาลขยับให้พอเหมาะกัน แล้วค่อย ๆ ใช้มีดเฉาะฉับฉับ แงะเปลือกและเนื้อตาลที่แน่นเป็นเนื้อเดียวกันให้แง้มออก เห็นเต้าตาลขาวละอออยู่ข้างใน ใช้ปลายมีดค่อย ๆ แซะเต้าตาลออกอย่างเบามือ อย่าให้ปริแตกได้ เพราะเต้าตาล หรือลอนตาลอ่อนนี้ ภายในจะมีน้ำขังอยู่ ยามเมื่อปอกเปลือกเห็นเนื้อลอนตาลใส กระเพื่อมหยุ่นได้ด้วยน้ำขังภายใน ลองป้อนใส่ปากไปทั้งเต้าน้อย ๆ อย่างนั้น ใช้ฟันขบให้น้ำขังลอนตาลแตกซ่าน ภายในปากของเรา ก็จะได้รสชาติของความนุ่มเนื้อ เจือรสหอมหวานอย่าง สุนทรีย์ ราวกับปีนบันไดขึ้นไปฟังเพลงคลาสสิคกระนั้นลอนตาลนี้ ถ้าอ่อน ๆ ก็มักจะนิยมใช้รับประทานกันเล่น ๆ หรือแช่เย็นก่อนให้ชื่นใจ จะให้วิริศมาหราขึ้นก็นำมาหั่นบาง ๆ ใส่น้ำแข็งใส โรยน้ำหวาน และนมข้น นมสด บางครั้งก็นำไปต้มกับน้ำตาลทราย ทำลอนตาลลอยแก้วใส่น้ำแข็งทุบ บ้างก็นำไปใส่รวมกับของอื่น ๆ เป็นรวมมิตรโรยกะทิสด และน้ำแข็งเย็นขื่นใจ
[แก้ไข] จาวตาล
เกิดจากผลแก่จัดของต้นตาลตัวเมีย เมื่อผลหล่นลงมาชาวบ้านจะเก็บรวบรวมกองไว้ ต่อมาต้นตาลตัวเมียจะแทงส่วนที่คล้ายรากงอกออกมาลงสู่พื้นดิน เรียกว่า “งอก ตาล” ส่วนนี้จะกลายเป็นต้นอ่อนของต้นตาล เมื่อแทงยอดพ้นดินขึ้นมาจะเจริญเติบโตเป็นต้นตาลต่อไป จาวตาลนิยมนำไป เชื่อมรับประทานเป็นของหวาน ในการนี้ จะต้องใช้ความชำนาญผ่าเอาเปลือกแข็งชั้นนอก ซึ่งเปรียบเสมือนกะลามะพร้าวออกก่อน จากนั้นจะต้องผ่าเอาเปลือกชั้นรอง คือส่วนที่เป็นน้ำเพื่อขัดผิวนอกด้วยใบไผ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ใบซอ เพื่อให้เมือกหรือไคลหมดไปจนขาวสะอาด เมื่อสะเด็ดน้ำแล้ว นำลงกระทะทองเหลืองเชื่อมกับน้ำตาลทาย ต่อไปก็จะได้ “จาวตาลเชื่อม” หรือนิยมเรียกกันว่า “ลูกตาลเชื่อม”การเชื่อมจาวตาลนิยมทำเป็น 2 แบบคือ เชื่อมเปียก จาวตาลจะฉ่ำน้ำตาล หรือเชื่อมแห้ง จาวตาลจะมีเกร็ดน้ำตาลจับแข็ง ซึ่งสะดวกต่อการบรรจุในภาชนะและเก็บได้นาน ถ้านำจาวตาลเชื่อมไปรับประทานพร้อมกับข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิ เติมงาคั่วผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น และมะพร้าวใย จะได้ขนมอร่อยอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า ข้าวเหนียวโตนด หรือข้าวเหนียวหน้าโตนด หรือข้าวเหนียวลูกตาล นอกจากนี้ เมื่อนำลูกตาลสุกมายีเนื้อสีเหลืองแล้วผสมกับแป้งข้าวเจ้า ตั้งตากแดดไว้สักครู่ใหญ่ เติมน้ำตาลพอควร แล้วนำมาใส่ห่อใบตองหรือใส่กระทง นำไปนึ่งให้สุกในลังถึง หรือหม้อหวด ก็จะได้ขนมเนื้อนุ่มฟูคล้ายขนมเค้ก เรียกว่า “ขนมตาล” นับเป็นขนมอีกอย่างหนึ่งที่เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน โดยไม่ต้องใช้ผงแป้งฟูแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น